จากเมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ ที่ถูกปลูกฝังและหยั่งรากลึกในผืนดินแห่งความดีและเมตตาจิต คุณทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทดีทีจีโอได้เติบโตขึ้นพร้อมกับแนวคิดในการทำงานด้วยหัวใจแห่ง “การให้” และได้รับความไว้วางใจจากคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ให้รับผิดชอบดูแลช่วยเหลือเด็กกำพร้าและเด็กที่ขาดโอกาสในสังคมอย่างต่อเนื่องมากว่าสองทศวรรษ

คุณ ทิพาภรณ์ อริยวรารมย์ 02

“ครั้งยังเด็ก คุณพ่อมักจะพาฉันและพี่ ๆ ติดตามไปดูงานตามต่างจังหวัดกับท่าน ธุรกิจของท่านเป็นธุรกิจเกษตร ทำให้เราได้มีเข้าไปสัมผัสกับกลุ่มเกษตรกร เห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เขาให้การต้อนรับเราอย่างอบอุ่นและจริงใจ ฉันรู้สึกว่าเมื่อฉันโตขึ้น ฉันอยากทำงานเพื่อคนเหล่านี้ โดยเฉพาะในด้านการศึกษาและช่วยเหลือเด็ก ๆ”

กระทั่งเมื่อเติบโตขึ้น สำเร็จการศึกษา และเริ่มต้นชีวิตการทำงานอย่างเต็มตัว สิ่งที่อยู่ในจิตสำนึกถูกสานต่อขึ้นอีกครั้งตามปณิธานของพ่อ ในเรื่องของการช่วยเหลือด้านการมอบทุนการศึกษาให้เด็ก กอปรกับประสบการณ์ที่สั่งสมมา ได้นำคุณทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ไปสู่การก่อตั้งมูลนิธิพุทธรักษา ในปี พ.ศ.2542 เพื่อช่วยเหลือเด็กขาดโอกาสให้ได้รับการศึกษา พัฒนาสติปัญญา และจิตใจตามวิถีแห่งพุทธ

“เมื่อเริ่มกลับมาทำงาน คุณพ่ออยากให้ไปช่วยเด็กขาดโอกาส ท่านมอบเงินส่วนตัวให้ แต่ไม่ใช่ให้เอาไปแจก ต้องไปทำให้งอกเงย ทำให้เกิดความท้าทายของงานนี้มากขึ้น สิ่งสำคัญอยู่ที่การช่วยเหลืออย่างยั่งยืน และครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา สุขภาพ อนามัย รวมไปถึงคุณครูหรือคนที่ช่วยดูแลเด็กๆ”

“ในกรณีการบริจาค ก็จะเป็นการลงทุนที่ก่อให้เกิดผลตอบแทนที่นำกลับมาช่วยเหลือได้อย่างยั่งยืน เช่น การสร้างฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ การทำแก๊สชีวภาพ การพัฒนาฟาร์มเห็ด ในกรณีพัฒนาด้านการสุขภาพ และอนามัย ต้องดูให้ครบถ้วนตั้งแต่อาหาร ยา ความเหมาะสม และความสะอาดของสถานที่ ในด้านการศึกษา ต้องพัฒนาตั้งแต่เล็กจนโตตามแต่วิวัฒนาการของแต่ละวัย ทั้งความรู้และจริยธรรม ไปจนถึงการดูแล พัฒนาพี่เลี้ยง และครูที่ช่วยดูแลเด็กๆ

ทุกวันนี้เราจึงพยายามทำให้เด็กขาดโอกาสเป็นเสมือนลูกหลานเรา เมื่อช่วยก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุดค่ะ”

ดังนั้นตลอดเส้นทางที่คุณทิพพาภรณ์เดินมา แม้จะเจอวิกฤตเศรษฐกิจหรือปัญหาอุปสรรคเพียงใดก็มิเคยย่อท้อ มีแต่มุ่งมั่นที่จะฝ่าฟันเพื่อให้สามารถช่วยเด็ก ๆ ที่ขาดโอกาสให้ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีพร้อมได้อย่างยั่งยืน

“มูลนิธิพุทธรักษามุ่งเน้นและให้ความสำคัญในการสนับสนุนด้านทุนการศึกษาและศาสนาในประเทศไทย เรามุ่งมั่นที่จะให้โอกาสเด็กๆ แต่ละคนในแต่ละวัยได้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อให้เขาเป็นเด็กที่เติบโตขึ้นมามีความรู้ความสามารถ มีความพร้อมทางด้านสติปัญญา และมีจิตใจที่ดีงาม”

“ซึ่งไม่เพียงให้เงินทุนสนับสนุน แต่เราจะไปดูเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของเขาด้วยว่า หอพักเพียงพอไหม ที่นอนสะอาดไหม การรักษาพยาบาลพร้อมแค่ไหน การศึกษาเป็นอย่างไร พยายามดูแลให้ครบ รวมถึงด้านจิตใจ ให้เด็กๆได้รับการอบรมเรียนรู้เรื่องศาสนา รวมไปถึงการทำกิจกรรมที่ส่งเสริมด้านจริยธรรม และปลูกฝังความมีจิตสาธารณะให้เด็กๆได้เรียนรู้ในหลากหลายวิชาอย่างจริงจัง ทั้งทางด้านภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เลขคณิต วิทยาศาสตร์ ห้องประกอบการเรียน อุปกรณ์ E-learning ที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการทรูปลูกปัญญา”

“รวมทั้งการพัฒนางานสายอาชีพ เช่น สอนทำขนมไทย ปั้นตุ๊กตาชาววัง ช่างไฟ ทำมุ้งลวด ตัดผม และอีกมากมาย ให้เด็ก ๆ มีความรู้ ความสามารถนำไปใช้ในอนาคตได้ รวมทั้งโครงการทุนการศึกษาอื่น ๆ อย่างโครงการมอบทุนการศึกษาต่อ ณ ประเทศอินเดีย และการมอบทุนศึกษาต่อจนถึงระดับปริญญาตรีให้กับเด็กทุกคนทั้งที่เรียนดีและแม้เรียนได้ปานกลางแต่มีความพยายาม ให้ได้มีโอกาสเรียนต่อให้สูงที่สุดเท่าที่ศักยภาพ หรือพลังใจของแต่ละคนจะสามารถไปได้”

คุณทิพพาภรณ์กล่าวว่า นอกเหนือจากช่วยเด็ก เราต้องดูแลพี่เลี้ยงและคุณครูด้วย เพราะเขาคือผู้เสียสละมาดูแลเด็ก

“ดังนั้นกรณีการลงทุนพัฒนาโรงเลี้ยงไก่ไข่โรงเรียนวันสระแก้ว ไข่ที่ได้ในแต่ละวันจะนำมาเป็นอาหารให้กับเด็กๆ ส่วนที่เหลือทางซี.พี.จะรับซื้อไปในราคาที่ยุติธรรม กำไรจากการขายไข่นำมาเพิ่มรายได้ให้ครู เมื่อถึงรอบอายุของไก่ทางซี.พี.จะรับซื้อไก่พร้อมเปลี่ยนไก่รุ่นใหม่เข้ามาทดแทน กำไรจากการขายไก่จะยกให้ทางวัดหรือทางโรงเรียนเพื่อใช้เป็นทุนสำรอง รวมทั้งขยายฟาร์มหมู มูลก็นำไปทำก๊าซชีวภาพ และเลี้ยงปลา โดยทางซี.พี.ช่วยในเรื่องเทรนนิ่งให้ เราทำต่อเนื่อง และพัฒนาไปเรื่อยๆเพื่อให้เกิดความยั่งยืนทางด้านรายได้เสริมให้กับสถาบันต่าง ๆ ที่มูลนิธิพุทธรักษาเข้าไปให้การสนับสนุน”

“เราเชื่อว่าเด็ก ๆ เป็นอนาคตและเป็นตัวแทนแห่งความหวัง หากเราช่วยกัน ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งการคิดบวก การมีจิตใจที่ดีงาม ความมุ่งมั่นและความรู้ เมื่อพวกเขาโตขึ้น เขาจะสามารถทำในสิ่งที่ปรารถนา และสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นแก่ชีวิตเขา สังคมและประเทศชาติได้ค่ะ”

การปลูกฝังคุณลักษณะเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มต้นจะสามารถนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่มีความรู้และมีน้ำใจ เด็ก ๆ เติบโตขึ้นเป็นคนเก่งที่เป็นคนดี ทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศ คุณทิพพาภรณ์ย้ำว่า ชีวิตของเด็ก ๆ ที่ยังขาดโอกาส หากเขาได้รับโอกาสก็จะทำให้เขามีชีวิตและอนาคตที่ดีนำความรู้ความสามารถไปสู่การทำความดีเพื่อพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้รุ่งเรือง

“คุณพ่อบอกว่าการที่จะทำอะไรให้ทำด้วยความทุ่มเท ทั้งกำลังกายกำลังใจ ให้มีความรัก ความจริงใจ และความหวังดีต่อผู้อื่น...ไม่เพียงแต่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ แต่จะทำให้เรามีความสุขกับทุกๆสิ่งที่เราทำ และจะทำให้เราทำได้ดี โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มีพลังใจและความสุขเป็นแรงผลักดันให้เราใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีคุณค่า...”

คุณ ทิพาภรณ์ อริยวรารมย์ 05